กินงามีคุณค่าดั่งได้หยก

ชาวจีนจึงนิยมกินงา และยังถือว่า “น้ำมันงา” เป็นยาอายุวัฒนะ ส่วนในตำราอินเดีย ยังกล่าวสรรพคุณของงาไว้ว่า งาเป็นยาบำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายมั่นคงแข็งแรง เดิมนั้นงาเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย  หรือตะวันออกของแอฟริกา  แต่ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่เขตร้อน และกึ่งร้อน ส่วนชาวจีนรู้จักคุณค่าของงามานมนาน  โดยนิยมกินงาเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ  นอกจากนั้นพวกเขายังเผาเมล็ดงาเพื่อใช้ทำ แท่งหมึกจีนที่มีคุณภาพดี  ส่วนชาวโรมันบดเมล็ดงาผสมขนมปังเป็นอาหารรสดี  ชาวไทยก็มีขนมที่ใช้เมล็ดงา เรียกว่า ขนมงาตัด
ใช้งากวนกับน้ำตาล  แล้วตัดเป็นแผ่น
งา  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn.  ชื่ออื่นๆ คือ งาดำ งาขาว เป็นไม้ล้มลุก ผลเป็นฝักมีเมล็ดเล็กๆ  สีขาวหรือสีดำ  มีการเพาะปลูกมานาน  ต้นงานั้นมีความสูงระหว่าง 0.5 – 2.5 เมตร  ขึ้นกับสภาพที่ปลูก  บางพันธุ์ก็มีกิ่งก้าน  บ้างก็ไม่มี  ในแกนหนึ่งมีดอกราว 3 ดอก เมล็ดนั้นมีสีขาวยาวราว 3 มิลลิเมตร  เมื่อแห้ง  เปลือกเมล็ดจะเปิดอ้า  และเมล็ดจะหลุดออกมา  การเก็บงาจึงต้องอาศัยแรงงานคนเพื่อมิให้เมล็ดงาร่วงหล่น  ภายหลังเมื่อไม่นานมานี้  มีการพัฒนาพันธุ์มิให้เมล็ด
แตกกระจาย  ทำให้สามารถเก็บด้วยเครื่องจักรได้  งา เมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหารมี 2 แบบ คือ งาดำ และงาขาว  นอกจากนี้ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุงอาหารได้ดี  เพราะมีกลิ่นหอม  และกรดไขมันที่มีประโยชน์  โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย  คือ  กรดอะมิโนเมธิโอนีน (ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อยกว่า)  และยังมีสารที่สกัดจากงาชื่อว่า SESAME ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับด้วย  ชาวมังสวิรัติจึงนิยมโรยงาลงไปในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุงแล้ว  เพื่อให้มีสารโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น